top of page

การเดินทางด้วยรถไฟทรานส์ไซบีเรียด้วยตัวเอง ในปี 2567

Sep 5, 2024

4 min read

4

89

0




สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเตรียมตัวสำหรับเดินทางด้วยรถไฟบนทางรถไฟสายทรานส์มองโกเลียและทรานส์ไซบีเรียผ่านประเทศมองโกเลียและประเทศรัสเซีย รวบรวมจากแหล่งข้อมูลที่หาได้ในอินเตอร์เน็ตกับประสบการณ์การเดินทางของเราในหน้าร้อนของเดือนมิถุนายน ปี 2024 ค่ะ เนื่องด้วยเป็นหัวข้อที่หาข้อมูลก่อนที่จะไปได้ยากมาก หวังว่าบทความนี้ของเราจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ :)


______________________


เนื้อหาในบทความนี้จะแบ่งเป็นหัวข้อดังนี้ค่ะ สนใจหัวข้อไหนก็กดข้ามไปอ่านกันได้เลยนะคะ

______________________


ทำความรู้จักกับเส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียและทรานส์มองโกเลีย


ก่อนจะเริ่มออกเดินทาง เราจะเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่น่าสนใจของทางรถไฟทั้งสองสายนี้ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียมาก่อน ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดในโลก ตัดผ่านประเทศรัสเซียซึ่งมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเดินทางด้วยรถไฟสายนี้คงเป็นการเดินทางในฝันของใครหลายคน จินตนาการถึงวิวสองข้างทางของรถไฟที่เปลี่ยนไปตามระยะทาง และการใช้ชีวิตบนรถไฟอย่างยาวนาน พบพานกับผู้คนที่หลากหลายและสร้างมิตรภาพใหม่ ๆ ประสบการณ์ที่ได้จากการนั่งรถไฟสายนี้น่าจดจำและเป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่ล้ำค่า ถ้ามีเวลาก็แนะนำให้ไปสักครั้งในชีวิตค่ะ

เหตุผลที่ควรไปทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียและทรานส์มองโกเลีย

  • ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

    การเดินทางบนรถไฟเป็นเวลานาน ทำให้ได้สัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ตามเส้นทาง ได้ชิมอาหารท้องถิ่น และได้เห็นทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดการเดินทาง และถึงจะเป็นเส้นทางเดียวกัน แต่นักเดินทางแต่ละคนก็จะพบเจอเรื่องราวของตัวเอง

  • วัฒนธรรมที่หลากหลาย

    เส้นทางรถไฟผ่านหลายประเทศ ทำให้ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ทั้งรัสเซีย และมองโกเลีย ได้เจอผู้คนท้องถิ่นที่เดินทางด้วยรถไฟสายนี้ ซึ่งแต่ละคนก็แตกต่างทั้งอายุ อาชีพ นิสัย ทำให้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่น่าสนใจ

  • ธรรมชาติที่สวยงาม

    ประเทศรัสเซียที่กว้างใหญ่ มีหลายภูมิประเทศ ป่าสน ทะเลสาบไบคาล และเมืองต่างๆ ที่มีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ และมองโกเลีย เห็นทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา

  • ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ

    เนื่องจากเส้นทางทรานส์ไซบีเรียมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่ก่อสร้างในสมัยศตวรรษที่ 19 และเป็นการก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ เชื่อมรัสเซียตะวันตกเข้ากับตะวันออก และเมืองต่าง ๆ ระหว่างเส้นทางก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์



ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย

ทางรถไฟสายนี้เป็นเส้นทางรถไฟที่ตัดผ่านประเทศรัสเซีย เป็นหนึ่งในโปรเจคใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นของโลก เส้นทางนี้เชื่อมจากเมืองวลาดิวอสตอก (Vladivostok) ที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกสุดของประเทศ สู่เมืองหลวงมอสโก (Moscow) ทางฝั่งตะวันตก ระยะทางรวม กิโลเมตร ซึ่งก็เกือบจะเท่า 1/4 ของเส้นรอบวงของโลกเลยทีเดียว ถ้านั่งต่อเนื่องก็จะใช้เวลารวม 6 วันค่ะ และตัวรถไฟที่เดินทางผ่านเส้นเส้นแบ่งเขตเวลา (timezone) ถึง 8 เขตเวลา ทำให้เหมือนเดินทางข้ามเวลาได้เลยล่ะค่ะ


ประวัติศาสตร์ของเส้นทางทรานส์ไซบีเรีย

ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย: การก่อสร้างทางรถไฟแสนยิ่งใหญ่ที่เชื่อมโลก

เคยสงสัยมั้ยคะว่าทำไมรัสเซียถึงมีทางรถไฟยาวที่สุดในโลก? และกว่าจะสร้างเส้นทางอันยิ่งใหญ่นี้ขึ้นมาได้ต้องเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง? มาไขปริศนาไปพร้อมกันค่ะ


จุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่

การสร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียเริ่มขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย มีเป้าหมายหลักเพื่อ:

  • ขยายอาณาเขต: เชื่อมโยงดินแดนไซบีเรียอันกว้างใหญ่เข้ากับส่วนกลางของประเทศ ทำให้รัสเซียมีอำนาจควบคุมพื้นที่ได้มากขึ้น

  • เสริมสร้างกองทัพ: อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายกำลังทัพไปยังชายแดนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ

  • พัฒนาเศรษฐกิจ: ส่งเสริมการค้าและอุตสาหกรรมในภูมิภาคไซบีเรีย ทำให้รัสเซียมีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมากขึ้น


ความท้าทายในการก่อสร้าง

การสร้างทางรถไฟสายนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ เพราะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย เช่น:

  • ธรรมชาติที่โหดร้าย: ต้องขุดอุโมงค์ผ่านภูเขาสูง สร้างสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ และปรับปรุงภูมิประเทศที่ขรุขระ ซึ่งเป็นงานที่ยากลำบากและใช้เวลานาน

  • สภาพอากาศสุดขั้ว: ทั้งความหนาวเหน็บในฤดูหนาว และความร้อนชื้นในฤดูร้อน ทำให้การทำงานล่าช้าและอันตราย

  • การขาดแคลนแรงงาน: การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ทำให้ต้องใช้แรงงานทาสและนักโทษมาช่วยในการก่อสร้าง


ผลกระทบที่ตามมา

เมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้น ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียก็ได้สร้างผลกระทบอย่างมหาศาลต่อรัสเซียและภูมิภาคเอเชีย เช่น:

  • การพัฒนาเศรษฐกิจ: ส่งเสริมการค้าและอุตสาหกรรมในภูมิภาคไซบีเรีย ทำให้เกิดเมืองใหม่ๆ ขึ้นมากมาย

  • การอพยพของประชากร: ช่วยให้ผู้คนสามารถเดินทางไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้ประชากรกระจายตัวมากขึ้น

  • การเชื่อมโยงวัฒนธรรม: ทำให้วัฒนธรรมของรัสเซียแผ่ขยายไปยังภูมิภาคเอเชีย

  • บทบาททางยุทธศาสตร์: มีบทบาทสำคัญในการสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสงครามเย็น


เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม

  • แรงงานที่ใช้ในการก่อสร้าง: มีการใช้แรงงานทาสและนักโทษในการก่อสร้างทางรถไฟสายนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและสะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากในการก่อสร้าง

  • การค้นพบทรัพยากรธรรมชาติ: การก่อสร้างทางรถไฟช่วยให้ค้นพบทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ เช่น ทองคำ ถ่านหิน และน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซีย

  • บทบาทของทางรถไฟในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง: ทางรถไฟสายนี้มีบทบาทสำคัญในการขนส่งกำลังบำรุงและอาวุธให้แก่กองทัพรัสเซียในการทำสงคราม



เหตุการณ์สำคัญ:

  • สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น: สงครามครั้งนี้เผยให้เห็นถึงความไม่พร้อมของรัสเซียในการทำสงคราม และความสำคัญของทางรถไฟในการขนส่งกำลังพลและเสบียง

  • การปฏิวัติรัสเซีย: ทางรถไฟเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการต่อสู้ระหว่างฝ่ายต่างๆ ในช่วงสงครามกลางเมือง

  • สงครามโลกครั้งที่สอง: ทางรถไฟมีบทบาทสำคัญในการขนส่งอาวุธและกำลังพลในการต่อสู้กับนาซีเยอรมนี


การก่อสร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของรัสเซีย ทางรถไฟสายนี้ไม่เพียงแต่เชื่อมโยงดินแดนอันกว้างใหญ่ของรัสเซียเข้าด้วยกัน แต่ยังส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศอีกด้วย


ทางรถไฟทรานส์มองโกเลีย

เป็นทางรถไฟที่เชื่อมระหว่างประเทศมองโกเลีย กับประเทศจีนและประเทศรัสเซีย เส้นทางมีความยาวรวมทั้งหมด 2080 กิโลเมตร ทางรถไฟสายนี้สร้างขึ้นด้วยความช่วยเหลือและเป็นผลมาจากความสัมพันธ์กับประเทศรัสเซียและประเทศจีน ช่วงศตวรรษที่ 19 มองโกเลียต้องการแยกตัวจากการปกครองภายใต้จีน โซเวียตที่มีอำนาจมากกว่าสนับสนุนการปกครองตนเองของมองโกเลียและช่วยสร้างทางรถไฟจาก Ulan Ude ของรัสเซียไปยัง Naushki ของมองโกเลีย และขยายออกไปถึง Ulaanbaatar เมืองหลวงของรัสเซียในเวลาต่อมา ช่วงเวลาหลายสิบปีหลังจากนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีนกับมองโกเลียก็ดีขึ้น ก็เลยมีการสร้างทางรถไฟต่อจากปักกิ่งประเทศจีนไปอูลันบาตาร์ประเทศมองโกเลีย


______________________


การเตรียมตัวก่อนออกเดินทางด้วยรถไฟทรานส์ไซบีเรีย 2567


การวางแผนเส้นทางการเดินทาง

ขั้นตอนที่สำคัญมากก่อนออกเดินทางคือต้องวางแผนว่าจะเดินทางจากเมืองไหนไปเมืองไหนบ้างค่ะ เพราะว่าเส้นทางรถไฟสายนี้ผ่านเมืองเล็กใหญ่หลายเมือง บางคนอาจจะต้องการดูวิวสองข้างทางที่เปลี่ยนไปและอยู่บนรถไฟนาน ๆ บางคนอาจต้องการลงไปยืดเส้นยืดสาย อาบน้ำ เข้าห้องน้ำดี ๆ และเดินเล่มซึมซับบรรยากาศที่แตกต่างของในแต่ละเมือง การเดินทางข้ามจากฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวันตกหรือในเส้นทางตรงกันข้าม ก็ทำให้เราได้เห็นลักษณะของเมือง สิ่งก่อสร้าง และผู้คนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเดินทางสายทรานส์ไซบีเรียเลยค่ะ ถ้ามีเวลาเราก็แนะนำให้นั่งรถไฟสักวันสองวันและแวะพักที่เมืองระหว่างทางก่อนที่จะเดินทางต่อด้วยรถไฟค่ะ


ตัวเลือกการเดินทาง

  • เดินทางจากเมืองเริ่มต้นทีเดียวยาว ๆ จนถึงปลายทาง

  • เดินทางเป็นช่วง ๆ บนเส้นทางสายนี้ และแวะพักเมืองระหว่างทาง


หลังจากเลือกตัวเลือกการเดินทางแล้ว ก็ต้องมาเลือกว่าจะแวะเมืองไหนบ้างค่ะ

ชื่อเมืองต่างระหว่างทางและรายละเอียดที่น่าสนใจของแต่ละเมืองมีดังนี้ค่ะ


ทรานส์มองโกเลีย

  • อูลันบาตาร์ (Ulaanbaatar)

    เมืองหลวงของประเทศมองโกเลีย ในตัวเมืองสามารถเดินเที่ยวชมวัด พิพิธภัณฑ์ และบรรยากาศในเมือง และแนะนำให้ซื้อ local tour ไปนอนกระโจมตามวิถีชีวิตโนแมดท่ามกลางทะเลทรายและภูเขาหญ้า สัมผัสธรรมชาติไร้ขอบเขต ทะเลทรายโกบี สัตว์ทะเลทรายต่าง ๆ อูฐม้าวัวกิ้งก่า

    • เวลาที่แนะนำ Ulaanbaatar อย่างน้อย 1 วัน

    • Gorkhi-Terelj National Park หรือ Gobi Desert อย่างน้อย 2 วัน


ทรานส์ไซบีเรีย

  • มอสโก (Moscow, Москва): เมืองหลวงของรัสเซีย เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น จัตุรัสแดง (Red Square), พระราชวังเครมลิน (Kremlin) และมหาวิหารเซนต์เบซิล (St. Basil's Cathedral) มอสโกเป็นเมืองที่ผสมผสานความทันสมัยและความคลาสสิกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

  • นีจนีโนฟโกรอด (Nizhny Novgorod, Нижний Новгород): เมืองประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำโวลกา มีครีมลินที่สวยงามและถนนโบราณที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ นีจนีโนฟโกรอดเป็นเมืองที่เงียบสงบและเหมาะแก่การพักผ่อน

  • คาซาน (Kazan, Казань): เมืองที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก มีมัสยิดคาซานที่สวยงามและเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโวลกา

  • เยคาเตรินบูร์ก (Yekaterinburg, Екатеринбург): เมืองอุตสาหกรรมและประวัติศาสตร์ เป็นที่รู้จักจากการปฏิวัติรัสเซียและเป็นสถานที่ประหารชีวิตครอบครัวซาร์ เมืองนี้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีชีวิตชีวา

  • ตูเมน (Tyumen, Тюмень): เมืองเก่าแก่ เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจไซบีเรีย เมืองตูเมนมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและมีบรรยากาศที่อบอุ่น

  • โนโวซีบีสค์ (Novosibirsk, Новосибирск): เมืองใหญ่ที่สุดในไซบีเรีย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของไซบีเรีย มีโอเปราเฮาส์ที่สวยงามและเป็นที่นิยมสำหรับการแสดงศิลปะ เมืองนี้เป็นเมืองใหม่ที่พึ่งก่อตั้งตอนที่สร้างทางรถไฟทรานส์ไซบีเรีย และเจริญเติบโตพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    โนโว-นิโคลาเยฟสค์ (Novo-Nikolaevsk) ก่อตั้งขึ้นรอบการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำอ็อบในปี 1893 และเติบโตอย่างรวดเร็วกลายเป็นเมืองสำคัญของไซบีเรีย ด้วยทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์บนเส้นทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย ทำให้เมืองนี้ดึงดูดผู้ประกอบการและนักธุรกิจ จนเกิดการก่อตั้งธนาคาร ธุรกิจ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ขึ้น ภายในปี 1909 เมืองนี้มีสภาเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนสำคัญในเครือข่ายเมืองของรัสเซีย แม้จะมีเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 และการปฏิวัติรัสเซีย เมืองโนโว-นิโคลาเยฟสค์ยังคงเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หลังสงครามกลางเมือง รัฐบาลโซเวียตเห็นคุณค่าที่เมืองนี้ไม่มีการต่อต้านฝ่ายบอลเชวิคอย่างรุนแรง และยกให้เป็นเมืองหลวงของไซบีเรีย ในปี 1926 เมืองนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโนโวซีบีร์สค์ (Novosibirsk)

  • ครัสโนยารสค์ (Krasnoyarsk, Красноярск): เมืองริมแม่น้ำเยนิเซย์ มีธรรมชาติที่สวยงามและเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของไซบีเรีย เมืองนี้มีหุบเขาสโตลบี ซึ่งเป็นสถานที่ปีนเขาที่ได้รับความนิยม

  • อีร์คุตสค์ (Irkutsk, Иркутск): ประตูสู่ทะเลสาบไบคาล มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางไปเที่ยวชมทะเลสาบไบคาล เมืองนี้มีบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นมิตร

  • อูลานอูเด (Ulan-Ude, Улан-Удэ): เมืองหลวงของสาธารณรัฐบูเรียตียา มีวัฒนธรรมบูเรียตที่เป็นเอกลักษณ์ มีรูปปั้นเลนินขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง

  • วลาดีวอสต็อก (Vladivostok, Владивосток): เมืองท่าริมทะเลญี่ปุ่น จุดหมายปลายทางของเส้นทางทรานส์ไซบีเรีย เมืองนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงามและมีบรรยากาศที่ทันสมัย


สถานีนอกเส้นทางที่น่าสนใจ

  • เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg, Санкт-Петербург) เป็นเมืองที่งดงามและมีประวัติศาสตร์อันยาวนานของรัสเซีย ตั้งอยู่ริมอ่าวฟินแลนด์ (Gulf of Finland) ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามอลังการคล้ายคลึงกับเมืองเวนิสของอิตาลี ทำให้ได้รับฉายาว่า "เวนิสแห่งเหนือ" (Venice of the North) เมืองนี้เต็มไปด้วยคลองและสะพานมากมาย รวมถึงอาคารที่สวยงามสไตล์นีโอคลาสสิก บาร็อค และอาร์ตนูโว



ทรานส์แมนจูเรีย

: สำหรับท่านที่สนใจ เส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อจากประเทศจีน ไปถึงประเทศรัสเซียโดยที่ไม่ผ่านมองโกเลียค่ะ


พอเห็นชื่อแล้วอาจจะเริ่มรู้สึกตาลายเลือกไม่ถูก ก็เป็นอะไรที่เลือกยากเหมือนกันค่ะ สำหรับการเดินทางของเราตัดสินใจเลือกเมืองจากความถูกชะตาของชื่อ และดูเวลาขึ้นลงรถไฟที่ลงตัวค่ะ เราเลือกเป็นนั่งรถไฟประมาณครั้งละประมาณ 20-30 ชั่วโมง และพักตามเมืองระหว่างทาง แต่ถึงอย่างไรก็เลือกได้ตามความสะดวกของแต่ละคนเลยค่ะ สำหรับแผนที่เราได้เดินทางไปรู้สึกว่ากำลังพอดีค่ะ ถ้านั่งรถไฟนานกว่านี้ก็คงจะไม่สะดวก ห้องน้ำบนบกในเมืองเหมาะกับการทำกิจธุระและอาบน้ำมากกว่า


เวลาที่ใช้ในการเดินทางตลอดทั้งทริป

อย่างน้อยที่สุดก็ 7 วันแบบไม่แวะพัก ก็จะได้นั่งรถไฟยาว ๆ 6 วัน แต่ถ้าแนะนำควรใช้เวลาสัก 2 สัปดาห์ขึ้นไปให้กับการเดินทางครั้งนี้ จะเต็มอิ่มกับการเดินทางมากกว่าค่ะ เดินทางแบบช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อน


การซื้อตั๋วรถไฟ

เมื่อเลือกเมืองได้แล้วก็มาซื้อตั๋วกันค่ะ การเดินทางด้วยรถไฟทรานส์ไซบีเรียและทรานส์มองโกเลียไม่มีแบบตั๋วบุฟเฟต์ที่ขึ้นตอนไหนก็ได้ เราจะต้องซื้อตั๋วแบบระบุเวลาและรอบที่ชัดเจนตามเมืองที่จะขึ้น ซึ่งช่องทางในการซื้อตั๋วมีดังนี้ค่ะ


  • ทรานส์มองโกเลีย

รถไฟทรานส์มองโกเลียไม่ได้วิ่งทุกวัน ยังไงวางแผนดี ๆ และเช็ครอบก่อนนะคะ ล่าสุดที่เราทราบวิ่งทุกเสาร์อาทิตย์ (update June 2024) หรือสามารถเช็คในเว็บ tutu.ru ไว้ก่อนได้ค่ะ


  1. จองผ่านที่พัก

  2. จองผ่าน agent

  3. จองผ่านสถานีรถไฟ




  • ทรานส์ไซบีเรีย



  1. จองผ่านเว็บทางการของการรถไฟรัสเซีย rzd.ru ต้องเข้าผ่าน vpn และต้องใช้บัตรรัสเซียในการซื้อตั๋วออนไลน์ วิธีการซื้อตั๋วในปีนี้จะยุ่งยากกว่าแต่ก่อนค่ะ จากที่หาข้อมูลมาก่อนหน้านี้สามารถจองเองผ่านออนไลน์ได้เลย แต่ในตอนนี้ไม่สามารถทำได้ถ้าไม่มีบัตรเครดิตรัสเซียค่ะ


สามารถดูรอบรถไฟจาก tutu.ru หากไม่ได้เปิด vpn รัสเซีย หรือไม่ได้อยู่ในรัสเซีย


ราคาตั๋วคร่าว ๆ ประมาณนี้ค่ะ ถ้าอยากทราบราคาอัพเดตในวันที่จะไปลองใส่วันดูในเว็บนะคะ



เลือกที่นั่ง โดยส่วนตัวแนะนำให้จองก่อนอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์เพื่อที่จะได้เลือกที่นั่งดี ๆ นะคะ ที่นั่งดี ๆ ที่ว่าก็คือเตียงล่างของฝั่งที่นั่งสี่คนค่ะ เพราะเตียงล่างไม่ต้องปีนขึ้นให้ลำบาก การปีนขึ้นเตียงบนก็ใช้ความสามารถในการทรงตัวและปีนป่ายพอสมควร อีกทั้งเตียงบนจะไม่มีที่นั่งในเวลากลางวันถ้าผู้โดยสารเตียงล่างไม่แบ่งปันให้ และไม่สามารถชมเห็นวิวจากหน้าต่างรถไฟได้ เตียงล่างฝั่งสี่ที่นั่งจะดีกว่าฝั่งสองที่นั่ง เพราะตอนกลางวันไม่ต้องเก็บเตียงก็สามารถใช้โต๊ะกินข้าว จิบชา วางแก้วได้ แต่ถ้าเป็นฝั่ง 2 ที่นั่ง หากจะใช้โต๊ะเราก็ต้องม้วนที่นอนก่อน แล้วกางโต๊ะออกมา ก็ยุ่งยากขึ้นนิดหน่อย อาจจะขี้เกียจทำได้ค่ะ (แตกต่างจากรถไฟไทยที่มีคนปูที่นอนทำเตียงให้ค่ะ ที่นี่เราต้องทำเองหมดเลย)



2. จองผ่านเว็บ agent มีหลายเว็บ ค้น google ได้เลย เช่น russianrailway.com etc ราคา +30% จากราคาตั๋วปกติ ข้อดีคือใช้บัตรต่างประเทศได้ (แต่ถ้าจองผ่านเว็บนี้ตอนอยู่ในรัสเซียจะตัดบัตรไม่ได้ เนื่องด้วยเงื่อนไขความปลอดภัยของธนาคารไทย ต้องจองไปก่อนเข้ารัสเซีย)

3. จองผ่าน agent รับจองตั๋ว เช่น เพจเที่ยวรัสเซียใน FB ราคา +50% ข้อดีคือสะดวกที่สุด ได้รับการบริการและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ใช้เงินแก้ปัญหา

4. จองผ่านสถานีรถไฟ ก็คือไปซื้อเอาหน้างาน ข้อดีคือราคาปกติไม่บวก ข้อเสียคือที่นั่งมักจะเต็ม แนะนำให้จองล่วงหน้ามากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้


ซื้อตั๋วต้องเลือกอะไรบ้าง

  • วันเดือนปีที่เดินทาง

    แนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์หรือมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะอาจจะเต็มหรือไม่ได้ที่นั่งที่ต้องการค่ะ

    การเดินทางในแต่ละเดือนก็ให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน เลือกตามความชอบและความสะดวกของแต่ละท่านได้เลยค่ะ ช่วงที่เป็น high season คือช่วงหน้าร้อน มิถุนายน ถึง กรกฎาคม คนอาจจะเดินทางเยอะ และตั๋วเต็มไวกว่าปกติได้ บรรยากาศหน้าร้อนเขียวสดใส ช่วง spring เห็นดอกไม้บาน autumn ก็จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสี winter ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน แต่ก็จะหนาวมาก ๆ

  • รอบการเดินทาง

    ดูรอบการเดินทาง ที่เวลาเหมาะสม รถไฟตรงเวลา ไม่เลทแม้แต่นาทีเดียว ควรมาก่อนถึงเวลาขึ้นรถไฟอย่างน้อย 15 นาทีค่ะ

  • ชั้นของรถไฟ

    สำหรับขบวนนอน รถไฟทรานส์มองโกเลีย มี 2 ชั้น คือชั้น 1 และ ชั้น 2 ส่วนรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียมี 3 ชั้น ได้แก่ ชั้น 1 ชั้น 2 และ ชั้น 3 ราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามความหรูหราของชั้นที่ขึ้น

    เราเดินทางด้วยรถไฟแบบถูกสุดตลอดการเดินทาง คือชั้นสองของทรานส์มองโกเลีย และชั้นสามของทรานส์ไซบีเรีย ก็รู้สึกว่าไม่แย่ แต่ไม่ทราบว่าแบบที่หรูกว่าจะเป็นอย่างไร จึงขอไม่กล่าวถึงในท่ีนี้ค่ะ

    เพิ่มเติมคือขบวนรถไฟจะมีประเภทของห้องน้ำ ถ้าเป็น biotoilet จะเป็นห้องน้ำที่ดีกว่า กดชักโครกได้ แนะนำให้เลือกขบวนที่มี biotoilet ค่ะ รู้สึกได้ถึงสุนทรียะในการใช้บริการห้องน้ำมากกว่าค่ะ

  • ที่นั่ง

    แนะนำเป็นเตียงล่าง เพราะเตียงล่างไม่ต้องปีนขึ้นให้ลำบาก การปีนขึ้นเตียงบนก็ใช้ความสามารถในการทรงตัวและปีนป่ายพอสมควร อีกทั้งเตียงบนจะไม่มีที่นั่งในเวลากลางวันถ้าผู้โดยสารเตียงล่างไม่แบ่งปันให้ และไม่สามารถชมเห็นวิวจากหน้าต่างรถไฟได้

    และเตียงจะมีสองฝั่ง ฝั่ง 4 ที่นั่ง กับ ฝั่ง 2 ที่นั่ง ดีที่สุดแนะนำเป็นเตียงล่างฝั่ง 4 ที่นั่ง เพราะตอนกลางวันไม่ต้องเก็บเตียงก็สามารถใช้โต๊ะกินข้าว จิบชา วางแก้วได้ แต่ถ้าเป็นฝั่ง 2 ที่นั่ง หากจะใช้โต๊ะเราก็ต้องม้วนที่นอนก่อน แล้วกางโต๊ะออกมา ก็ยุ่งยากขึ้นนิดหน่อย ขี้เกียจทำ (ปล. ไม่เหมือนรถไฟไทยที่มีคนปูที่นอนทำเตียงให้ ที่นี่เราต้องทำเองหมดเลยหนา แต่ก็ควบคุมเวลาได้ อยากจะนอนทั้งวันก็ย่อมได้)


การเตรียมตัว

วีซ่า

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่าท่องเที่ยวในมองโกเลียและรัสเซียค่ะ โดยมองโกเลียและรัสเซียสามารถเที่ยวได้ 30 วัน ไม่ต้องเตรียมการใด ๆ แค่มีพาสปอร์ตก็พอแล้วค่ะ

แพ็คกระเป๋า

  • เสื้อผ้า เตรียมไปตามฤดูกาลที่ไป ถ้าหน้าหนาวก็เตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย หน้าร้อนอากาศร้อนเหมือนไทยเลยค่ะ บนรถไฟชาวรัสเซียนิยมเปลี่ยนเป็นชุดสบาย ๆ ใส่นอนกันค่ะ เตรียมชุดนอนไปใส่เลยก็ยังได้

  • รองเท้าแตะ ใช้เดินบนรถไฟ สบายกว่าใส่รองเท้าผ้าใบ

  • พาวเวอร์แบงค์ รถไฟขบวนใหม่ ๆ ส่วนใหญ่มีปลั๊กให้ชาร์ตแบตทุกที่นั่ง แต่ถ้าเป็นขบวนเก่าหน่อยบางทีก็ไม่มี ถ้าใช้ชีวิตแบบขาดโทรศัพท์ไม่ได้ ก็แนะนำให้เตรียมพาวเวอร์แบงค์ไปเผื่อด้วยค่ะ

  • โทรศัพท์มือถือ โหลดแอปแปลภาษาแบบออฟไลน์ (google translate offline) และคีย์บอร์ดภาษามองโกเลียกับรัสเซียไว้ด้วยนะคะ บนรถไฟไม่มีสัญญาณ จะมีสัญญาณแค่ตอนแวะจอดที่สถานีเท่านั้น ถ้าระหว่างนั้นต้องการสื่อสารก็ต้องใช้แอปแปลภาษาแบบออฟไลน์แล้วยื่นให้คู่สนทนาพิมพ์เอาค่ะ นอกจากนี้ก็ใช้ดูเวลา ฟังเพลง ถ่ายรูป และฆ่าเวลาอื่น ๆ ได้ค่ะ

  • ช้อนส้อมพกพา เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ มาม่ามองโกเลียและมาม่ารัสเซีย รวมถึงมันบดสำเร็จรูป ไม่มีช้อนส้อมแถมค่ะ

  • เงิน เตรียมไปให้พอดีกับการใช้งาน ในขณะนี้บัตรเครดิตไทยใช้ที่รัสเซียไม่ได้ค่ะ สามารถแลกเป็น usd ไปก่อนแล้วไปแลกเป็น rub ที่รัสเซีย ส่วนมองโกเลียใช้บัตรได้ กดเงินที่ตู้สนามบินได้ค่ะ

  • ทิชชู่เปียก ชีวิตที่ขาดสายชำระในห้องน้ำ

  • ของกิน สามารถซื้อที่ร้านค้า มินิมาร์ท หรือซุปเปอร์ เตรียมไว้ก่อนขึ้นรถไฟ ไม่จำเป็นต้องเตรียมไปจากไทย ราคาไม่ต่างกันมาก ของกินแนะนำ ได้แก่ มาม่า มันบดสำเร็จรูป เติมน้ำกลายเป็นมันบด แค่นี้ก็พอประทังชีวิตได้ ชาแบบซองแช่ ซื้อไว้เป็นกล่องเลยก็ได้ค่ะได้กินเรื่อย ๆ น้ำตาลก้อน ถ้าต้องการ และเห็นชาวรัสเซียเตรียมเป็นขนมปัง ไส้กรอก ชีส ฯลฯ บนรถไฟมีน้ำร้อนให้กดแบบไม่จำกัด และมีแก้วลายสวยกับช้อนคนให้ยืม

  • ของที่จำเป็นมีเท่านี้ ที่เหลือก็ตามศรัทธาเลยค่ะ


งบประมาณ

เงินที่ต้องใช้ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของการเดินทาง เส้นทางการเดินทาง ถ้าแวะเยอะ ตั๋วก็จะแพงกว่า

  • ค่าตั๋วรถไฟลองจิ้มดูในเว็บได้เลยค่ะ ยกตัวอย่าง Vladivostok - Moscow นั่งรถไฟชั้น 3 รวดเดียว 15000 ruble หรือประมาณ 5600 บาทค่ะ

  • ค่าที่พักทั้งมองโกเลียและรัสเซียโฮสเทลเริ่มต้นที่ 300 บาท/คืน

  • ค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือประเทศมองโกเลียกับประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่ค่าครองชีพไม่แพงมาก ค่าอาหารใช้ประมาณเท่าที่ไทยก็อยู่ได้ค่ะ ลองคำนวณเป็นสัก 500 บาท/วันก็ได้ค่ะ อยู่ได้แบบสบาย ๆ ยิ่งตอนนั่งรถไฟตัวเลือกอาหารไม่มากส่วนใหญ่ก็กินมาม่าหรืออาหารสำเร็จรูป ขนมปัง ผลไม้ เตรียมไปไม่ถึงวันละ 200 บาท

  • ค่าอื่นๆ จิปาถะ ค่าทัวร์ที่มองโกเลียจะแพงหน่อยค่ะ ขึ้นกับจำนวนคนหาร เกาะโอคอนไบคาลก็แพงทั้งทัวร์และอาหาร ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ ค่าเข้าปราสาท ที่มอสโกกับเซนต์ปีเตอร์แพง


สรุปก็คือถ้าใช้ชีวิตแบบยาจกแสนประหยัด 1 wk เริ่มต้นที่ 10,000 บาท

แบบแนะนำ คือไป 2 wk แวะพักตามเมือง ก็จะใช้ประมาณ 30,000 บาทค่ะ

แบบเพิ่มเติม แวะทัวร์ แวะชมพิพิธภัณฑ์ปราสาทที่ค่าเข้าแพง 2 wk ก็อาจจะใช้ประมาณ 40,000 บาทค่ะ

(ไม่รวมตั๋วเครื่องบินนะคะ)


การเดินทางบนรถไฟ

  • การดูตั๋วและขึ้นรถไฟ

    หลังจากจองตั๋วออนไลน์ไว้แล้ว ตั๋วก็เอาไว้ดูเลขที่นั่งเท่านั้น ไม่มีการตรวจตั๋วตอนขึ้นรถไฟ ไม่ต้องกลัวทำหาย ตอนขึ้นรถไฟใช้แค่พาสปอร์ต ต่อแถวหน้าประตู คุณผู้คุมขบวนจะเช็คชื่อ ถ้าชื่อตรงกับที่จองมาก็ขึ้นรถไฟได้เลย จากนั้นพอขึ้นมาบนรถไฟ ขบวนรถไฟออกเดินทางแล้ว จะมีการตรวจอีกหนึ่งครั้ง และคุณผู้คุมขบวนก็จะมาอธิบายห้องน้ำ ร้านอาหาร และรายละเอียดต่าง ๆ บนรถไฟให้ฟังคร่าว ๆ สองสามประโยค

  • การอ่านตั๋วก็อ่านง่ายมาก ๆ เลยค่ะ ดูเลขขบวนรถไฟตัวแรก ในตัวอย่างเป็น Train 001 คันที่ 30 ที่นั่ง 25 โดยที่ ณ สถานีก็จะมีตารางรอบรถไฟที่มาถึงและเลขขบวนรถไฟประกาศไว้ เราสามารถดูได้ว่ารถไฟที่เราจะขึ้นอยู่ชานชาลาไหน และที่ชานชาลาก็มีติดบอกอีกรอบนึง จากนั้นก็เดินหาคันของเรา โดยเลขจะแปะไว้ที่หน้าต่างรถไฟ และพอขึ้นรถไฟไปแล้วก็เดินหาที่นั่งตามเลขจะมีเขียนไว้ตัวเล็ก ๆ ที่ขอบริมทางเดินค่ะ

  • เวลาที่ใช้ในตั๋วรถไฟจะเป็นเวลาท้องถิ่นของแต่ละเมืองนะคะ เพราะแต่ละเมือง timezone ไม่เท่ากันอาจจะทำให้งงได้ ถ้าอยู่บนรถไฟไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ก็แนะนำให้จับเวลานับตามจำนวนชั่วโมงของการเดินทางค่ะ ว่าจะไปถึงเมื่อไหร่



  • การใช้ชีวิตบนรถไฟ

    รถไฟบนเส้นทางทรานส์ไซบีเรีย ไม่ได้มีเป้าหมายหลักเพื่อการท่องเที่ยว แต่เป็นทางรถไฟที่ชาวรัสเซียใช้เดินทางในชีวิตประจำวันกัน เราก็เลยจะเจอคนเดินทางไปเยี่ยมญาติ ไปทำงาน กลับบ้าน มาเป็นครอบครัว

  • การข้ามด่านระหว่างประเทศ

    การข้ามด่านออกจากประเทศมองโกเลีย และข้ามด่านเข้าไปในประเทศรัสเซีย



การท่องเที่ยวในรัสเซีย

ประเทศรัสเซียซึ่งมีพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายมากมาย ทั้งธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย


การเดินทางภายในประเทศรัสเซีย

  • ในแต่ละเมืองก็จะมีรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถบัส และรถรางหรือแทรม วิธีการขึ้นในแต่ละเมืองก็แตกต่างกัน บางเมืองต้องซื้อตั๋วก่อนเท่านั้น บางเมืองจ่ายที่คนขับหรือตั๋วรถเมล์และจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น

  • รถบัสทางไกล จะต้องซื้อตั๋วก่อนที่สถานีรถบัส หรือจองออนไลน์โดยใช้บัตรเครดิตรัสเซีย ยกตัวอย่างรถบัสทางไกลที่เราได้ขึ้นได้แก่ Irkutsk - Olkhon Island, Novosibirsk - Tomsk เป็นต้น


การสื่อสารในประเทศรัสเซีย

เรียนรู้คำพูดง่าย ๆ ไว้ และสามารถใช้ google translate ส่วนใหญ่ชาวรัสเซียไม่พูดภาษาอังกฤษ



การท่องเที่ยวในมองโกเลีย



การเดินทางของเรา



แหล่งอ้างอิงและสืบค้นเพิ่มเติม

https://www.seat61.com/trans-siberian-railway.htm เป็นเว็บไซต์ที่มีข้อมูลหลายอย่างครบถ้วนเลยทีเดียว

หนังสือ Lonely Planet Trans-Siberian Railway ก็พอจะช่วยให้เห็นภาพคร่าว ๆ ของการวางแผนการเดินทางและเมืองต่าง ๆ บนเส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย แต่ว่ารายละเอียดจะไม่ค่อยอัพเดตเท่าไหร่ เพราะว่าเขียนปี 2018 ราคาของรถบัสและวิธีการซื้อก็เปลี่ยนไปเยอะค่ะ



Comments

Deine Meinung teilenJetzt den ersten Kommentar verfassen.

© 2024 Jinnicha Liengjindathaworn. 

bottom of page